“มะม่วงน้ำดอกไม้มีจุดอ่อนที่เปลือกบาง ทำให้ขนส่งยาก อายุการเก็บสั้น ส่งออกไปได้ไม่ไกล เพื่อให้เก็บได้นานและส่งออกไปไกลมากกว่าเดิม และจากความชื่นชอบรับประทานพายหน้าท็อปปิ้งบลูเบอร์รี จึงเกิดไอเดียสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการแปรรูปท็อปปิ้งมะม่วง ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ ตลาดยังกว้างและได้รับความนิยมจากผู้บริโภคตั้งแต่วัยเด็กไปถึงผู้สูงวัยในสหรัฐฯและยุโรป”

นายสุรวิชญ์ ทิพยารมณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โกลบอล พาร์ทเนอร์ อินเตอร์ฟู้ด จำกัด

เผยถึงที่มาของการแปรรูปมะม่วงน้ำดอกไม้เป็นผลิตภัณฑ์ท็อปปิ้งกระป๋อง...ด้วยความร่วมมือของภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ช่วยคิดค้นและปรับปรุงสูตรนาน 2 ปี โดย สวทช.ให้ทุนสนับสนุนพัฒนาผลิตภัณฑ์

กระทั่งสำเร็จได้ท็อปปิ้งมะม่วงที่มีกลิ่นหอมเหมือนบริโภคสด รสชาติกลมกล่อมลงตัว และเก็บในอุณหภูมิห้องได้นานถึง 1 ปี

กระบวนการผลิตเริ่มจากซื้อมะม่วงจากแปลงได้มาตรฐาน GAP จากจังหวัดฉะเชิงเทรา กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ และสระแก้ว ในราคาที่เป็นไปตามกลไกตลาดแต่ละช่วง...มะม่วงที่เป็นเกรดพรีเมียมจะคัดส่งขายผลสด ส่วนที่มีตำหนินำมาแปรรูป จะใช้มะม่วงแก่จัดเพื่อจะได้รสชาติหวานธรรมชาติ และมีกลิ่นหอมมะม่วงน้ำดอกไม้ทั้งผล 1 กก. หลังนำมาทำความสะอาด ตัดแต่ง แช่แข็ง เหลือน้ำหนัก 400 กรัม นำมาแปรรูปผลิตท็อปปิ้งมะม่วง บรรจุใส่กระป๋อง 605 กรัม

จากมะม่วงสดตกเกรด ราคา กก.ละ 35-50 บาท นำมาแปรรูปผลิตท็อปปิ้ง มะม่วงภายใต้แบรนด์ Tropica King เพิ่มมูลค่าเป็น 135 บาท และยังแตกไลน์ผลิตมะม่วงน้ำดอกไม้พร้อมปั่น โดยตลาดส่งออกอยู่ในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สหรัฐฯ และอังกฤษ.

เพ็ญพิชญา เตียว

แหล่งที่มา https://www.thairath.co.th/news/local/1866416